- แชทบอท Slack ช่วยอัตโนมัติงาน แจ้งเตือนอัปเดต และเรียกใช้เวิร์กโฟลว์เพื่อลดงานประสานงานด้วยตนเอง และทำให้ทีมได้รับข้อมูลโดยไม่รบกวนรูปแบบการสื่อสารเดิม
- แชทบอท Slack ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะใช้ทริกเกอร์ธรรมชาติ เช่น การตอบด้วยอีโมจิ การตรวจจับคีย์เวิร์ด หรือการแจ้งเตือนตามบริบท แทนที่จะให้ผู้ใช้ต้องจำคำสั่งเฉพาะ
- ตัวอย่างการใช้งานแชทบอท Slack มีทั้งการสรุปงานประจำวัน รับเรื่องขอความช่วยเหลือ ค้นหาข้อมูลภายใน และสร้างวัฒนธรรมทีมผ่านการแจ้งเตือนและกิจกรรมเฉลิมฉลอง
แชทบอท Slack ส่วนใหญ่หายไป ไม่ใช่เพราะมันแย่ แต่เพราะไม่มีใครใช้
แม้จะติดตั้งแชทบอท Slack ได้ง่าย แต่การหาแชทบอทที่สร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่องนั้นยากกว่า
แชทบอทที่อยู่รอดได้จริงจะไม่รอให้ใครมาพิมพ์คำสั่งที่ถูกต้อง อาจเป็นแอป Slack อื่น หรือแม้แต่ แชทบอท AI ที่ทำงานเบื้องหลัง
บทความนี้จะพาไปดูว่าปัจจุบันแชทบอทเหล่านี้ถูกใช้อย่างไร และอะไรที่ทำให้ควรเก็บไว้หรือเพิ่มเข้าไปใน workspace ของคุณ
ทีมต่าง ๆ ใช้แชทบอท Slack อย่างไร?
ทีมงานใช้แชทบอท Slack เพื่ออัตโนมัติการแจ้งเตือน ลดการประสานงานด้วยตนเอง เรียกใช้กิจกรรมซ้ำ ๆ และรักษาความต่อเนื่องของเวิร์กโฟลว์
ด้วย อินทิเกรตมากกว่า 2,500 รายการ Slack ควรเป็นชั้น productivity ที่ดีที่สุด ในทางทฤษฎี มีบอทสำหรับแทบทุกอย่าง แต่ในทางปฏิบัติ? ส่วนใหญ่ไม่มีใครใช้
นี่คือสิ่งที่ทีมต่าง ๆ เรียนรู้: แชทบอท Slack จะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อออกแบบมาให้ ใช้งานโดยไม่รู้ตัว
บอทที่มีประสิทธิภาพที่สุดจะเงียบและใช้งานได้จริง — คือบอทที่ทำงานตามสัญญาณธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ slash command
โพสต์อัปเดตโปรเจกต์
ทีมเชื่อมแชทบอท Slack กับ Integrations อย่าง Jira หรือ GitHub เพื่อให้อัปเดตส่งตรงเข้าช่องแชท
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เช่น build fail หรืออัปเดตผลิตภัณฑ์ บอทจะโพสต์ทันทีในที่ที่ทุกคนทำงานอยู่ ช่วยให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อโดยไม่ต้องตามข่าว
ที่ Botpress เองก็ใช้วิธีนี้ — “Release Notes Bot” ที่ช่วยให้ทุกคนรับรู้การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ทั่วทั้งบริษัท
จัดประชุม stand-up และพูดคุยแบบอะซิงค์
บอทรวบรวมการเช็กอินประจำวันหรือคำตอบย้อนหลังผ่าน DM หรือการแจ้งเตือนตามเวลา แล้วสรุปโพสต์ไว้ที่เดียว
ช่วยให้ทุกคนเห็นอัปเดตโดยไม่ต้องเพิ่มประชุมหรือปรับตารางเวลา
เหมาะมากสำหรับทีมที่เคลื่อนไหวเร็ว เช่น growth หรือ sales ที่มีหลายคนอัปเดตข้อมูลทุกวัน
แทนที่จะต้องตามคำตอบ แชทบอทสำหรับฝ่ายขาย สามารถรวบรวมข้อมูลและสรุปให้โดยอัตโนมัติ
เรียกใช้เวิร์กโฟลว์ด้วยอีโมจิหรือคีย์เวิร์ด
การตอบด้วยอีโมจิอย่าง ✅ หรือ 👀 มักถูกใช้เป็นทริกเกอร์เวิร์กโฟลว์ บางทีมใช้เพื่อบันทึกบั๊ก มอบหมายงาน หรือเรียกใช้เวิร์กโฟลว์ AI agent ที่ซับซ้อนกว่านั้น
เร็วกว่าการใช้ slash command และเข้ากับวิธีที่คนใช้ Slack อยู่แล้ว
ตอบคำถามในบริบท
ไม่ต้องสลับไปดูเอกสารหรือค้นหาในอินเทอร์เน็ต ทีมสามารถถามใน Slack แล้วได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์ในเธรดเดียวกัน
แชทบอท HR ที่ขับเคลื่อนด้วย retrieval-augmented generation (RAG) และฐานความรู้ที่เป็นระเบียบจะตอบโจทย์นี้ได้ดี
สามารถดึงข้อมูลจาก Notion หรือ Google Drive มาอ้างอิงได้โดยไม่ขัดจังหวะการทำงาน
กระจายคำขอไปยังสมาชิกในทีม
มีใครสักคนฝากคำขอไว้ใน Slack — อะไรก็ได้ ถ้าไม่มีโครงสร้าง คำขอนั้นอาจถูกกลบหรือถูกลืม
ทีมจะตั้งค่าแชทบอทให้จับคำขอเหล่านั้น ส่งเข้าเครื่องมืออย่าง Linear หรือ Calendly และตอบกลับในเธรดเพื่อให้ทุกอย่างเป็นระเบียบและไม่ตกหล่น
9 แชทบอท Slack ที่แนะนำ
แชทบอท Slack ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการของทีม — อัปเดตประจำวัน แบบสอบถามด่วน คำถามที่พบบ่อย หรือเวิร์กโฟลว์ที่ปรับแต่งเองเต็มรูปแบบ
แพลตฟอร์มแชทบอทที่ดีที่สุด บางตัวพร้อมใช้งานทันที ขณะที่บางตัวให้ควบคุมได้มากกว่าแต่ต้องใช้เวลาติดตั้งนานขึ้น
1. Botpress
.webp)
เหมาะสำหรับ: สร้างบอท Slack ภายในองค์กรที่จัดการตรรกะ API และตอบคำถามจากฐานความรู้
จุดเด่น: ให้คุณควบคุมการทำงานและการเชื่อมต่อของบอทได้อย่างเต็มที่
Botpress คือเครื่องมือสร้างเวิร์กโฟลว์แบบภาพสำหรับสร้างระบบ AI สนทนา
บอทที่สร้างด้วย Botpress สามารถดึงเอกสารมาแสดง แจ้งเตือนอัปเดตเข้าเครื่องมืออย่าง CRM หรือปฏิทิน และจัดการคำขอที่มีโครงสร้างโดยไม่ต้องมีคนตามงาน
อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายแต่รองรับตัวแปร เงื่อนไข หน่วยความจำ และการเรียก API ทำให้ปรับให้เข้ากับระบบภายในหรือ multi-agent systems ได้ง่ายขึ้น
ตัวสร้างรองรับรูปแบบการโต้ตอบแบบ native ของ Slack เช่น การตอบในเธรด ทริกเกอร์อีโมจิ และโพสต์ตามเวลา จึงไม่รู้สึกว่าเป็นของแถม
คุณสมบัติเด่น:
- ใช้งานได้ทั้งในเธรด ช่อง, DM และกับแอป Slack แบบดั้งเดิม
- เชื่อมต่อกับเครื่องมืออย่าง Google Drive, Calendly, CRM, Notion และอื่น ๆ
- ค้นหาเอกสารด้วย RAG และรองรับ Knowledge Base
- เรียกใช้เวิร์กโฟลว์ได้จากการตอบกลับหรือข้อความปกติ
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องเข้าใจโครงสร้างเวิร์กโฟลว์เมื่อฟีเจอร์ซับซ้อนขึ้น
- เหมาะที่สุดเมื่อทีมของคุณเข้าใจกระบวนการที่ต้องการอัตโนมัติอยู่แล้ว
2. Trello
.webp)
เหมาะสำหรับ: จัดการโปรเจกต์และติดตามงานใน Slack
จุดเด่น: นำการจัดการงานเข้าสู่บทสนทนาโดยไม่ต้องเปิดเครื่องมือแยก
การเชื่อมต่อ Trello กับ Slack เหมาะกับทีมที่ใช้บอร์ดในการขับเคลื่อนโปรเจกต์อยู่แล้ว คุณสามารถสร้างการ์ด มอบหมายงาน และกำหนดวันครบกำหนดได้จากข้อความใน Slack
ถ้ามีใครโพสต์งานหรือการตัดสินใจในช่อง ก็สามารถเปลี่ยนเป็นงานที่ติดตามได้โดยไม่เสียบริบท
การเชื่อมต่อทำงานได้สองทาง — อัปเดตจาก Trello สามารถโพสต์เข้า Slack อัตโนมัติ
เมื่อการ์ดถูกย้ายหรือมีคอมเมนต์เพิ่ม คนที่เกี่ยวข้องจะเห็นได้ทันทีในที่ที่พวกเขาทำงานอยู่แล้ว
คุณสมบัติเด่น:
- เพิ่มการ์ด Trello จากบทสนทนาใน Slack ได้โดยตรง
- โพสต์อัปเดตเข้า Slack channel เมื่อการ์ดมีการเปลี่ยนแปลง
- เชื่อมบอร์ดเพื่อให้บทสนทนาเกี่ยวข้องกับงานที่ถูกต้อง
- รองรับการแจ้งเตือน วันครบกำหนด และการมอบหมายสมาชิกโดยไม่ต้องออกจาก Slack
ข้อควรพิจารณา:
- ผู้ใช้ต้องใช้งาน Trello อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ประโยชน์มากนัก
- ไม่มีลอจิกเวิร์กโฟลว์หรือทริกเกอร์ที่ปรับแต่งได้เกินฟีเจอร์พื้นฐานของ Trello
3. Polly
%20(1).webp)
เหมาะสำหรับ: เก็บอัปเดตทีมและ feedback loop ใน Slack
จุดเด่น: ทำให้การเก็บคำตอบใน Slack รู้สึกเบาและเป็นธรรมชาติ
Polly เป็นเครื่องมือโหวตขนาดเล็กที่ทำงานใน Slack โดยตรง ออกแบบมาเพื่อให้บทสนทนาใน Slack มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องตามต่อในเธรดหรือเพิ่มประชุม
แทนที่จะรอคำตอบที่กระจัดกระจาย Polly ช่วยให้คุณรวบรวมคำตอบได้อย่างเป็นระบบในที่เดียว
บางทีมใช้ Polly ร่วมกับ แชทบอท GPT เพื่อรวบรวมและสรุปความคิดเห็นของสมาชิก
เหมาะกับการตั้งคำถามซ้ำ ๆ หรือสำรวจครั้งเดียว และเหมาะกับทีมที่ชอบอัปเดตแบบอะซิงก์มากกว่าการคุยสด
ฟีเจอร์เด่น:
- โพสต์โพลหรือแบบสำรวจใน Slack ได้โดยตรง
- ตั้งเช็คอินประจำ เช่น standup หรือคำถามประจำสัปดาห์
- สรุปคำตอบโดยไม่ต้องตามทวง
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่เหมาะกับเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อน
- เหมาะที่สุดเมื่อแค่ต้องการฟีดแบ็กหรือความโปร่งใสง่าย ๆ
4. Zapier
%20(1).webp)
เหมาะสำหรับ: อัตโนมัติเวิร์กโฟลว์ Slack และเชื่อมโยงการทำงานระหว่างเครื่องมือ
จุดเด่น: เชื่อม Slack กับแอปอื่น ๆ ได้ง่าย ด้วยตรรกะที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของทีม
Zapier คือแพลตฟอร์ม อัตโนมัติเวิร์กโฟลว์ด้วย AI ที่ทรงพลัง ช่วยเชื่อม Slack กับแอปกว่า 8,000 รายการ ทำให้เวิร์กโฟลว์ของคุณลื่นไหลผ่านการทำงานร่วมกัน
ด้วยการตั้งค่า "Zap" คุณสามารถอัตโนมัติการส่งข้อความ อัปเดตสถานะ หรือสร้างงานตามทริกเกอร์ที่เกิดขึ้นใน Slack หรือแอปอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อไว้
ตั้งค่าได้รวดเร็ว แต่ถ้าเวิร์กโฟลว์ซับซ้อนจะใช้งานยากขึ้น และมองไม่ค่อยเห็นว่าข้อมูลไหลผ่านแต่ละขั้นตอนอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อมีการแตกแขนงหรือวนลูป
คุณสมบัติเด่น:
- ทริกเกอร์เวิร์กโฟลว์ Slack ด้วยข้อความและรีแอคชัน
- เชื่อมต่อกับแอปต่าง ๆ ด้วยฟังก์ชันสำเร็จรูป
- รองรับตรรกะพื้นฐานและการอัตโนมัติผ่าน webhook
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อบทสนทนาแบบแชทบอท
- ติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นใน Zap หลายขั้นตอนได้ยาก
5. Jira
.webp)
เหมาะสำหรับ: ติดตามปัญหาและจัดการโปรเจกต์จาก Slack โดยตรง
จุดเด่น: อัปเดตสถานะให้เห็นชัดเจนโดยไม่ต้องสลับเครื่องมือ
Jira เหมาะกับทีมที่ต้องการความรับผิดชอบในโปรเจกต์ระยะยาว การเชื่อมต่อกับ Slack ทำให้โครงสร้างการติดตามโปรเจกต์เข้าถึงง่ายขึ้นในเธรดสนทนา
คุณสามารถเปลี่ยนข้อความเป็นทิกเก็ตจาก Slack ได้โดยตรง — เหมาะเมื่อมีคนแจ้งบั๊กหรือขออะไรที่ต้องตามต่อ
ตัวอย่างทิกเก็ตจะแสดงในช่องแชท ให้ทุกคนติดตามความคืบหน้าได้โดยไม่ต้องล็อกอิน Jira
ไม่ได้ตั้งใจมาแทนที่ Jira แต่ช่วยให้เวิร์กโฟลว์เดินหน้าต่อได้ขณะสนทนายังสดใหม่
คุณสมบัติเด่น:
- รับการแจ้งเตือน Jira ในช่อง Slack หรือข้อความส่วนตัว
- สร้างและอัปเดตทิกเก็ต Jira ได้จาก Slack
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องตั้งค่าและให้สิทธิ์เชื่อมต่อโปรเจกต์ Jira กับ Slack ก่อน
- การแจ้งเตือนอาจเยอะเกินไปถ้าไม่ตั้งค่ากรองให้ดี
6. Donut

เหมาะสำหรับ: ดูแลวัฒนธรรมทีมและเวิร์กโฟลว์ HR ใน Slack
จุดเด่น: เพิ่มโครงสร้างเล็ก ๆ ให้กับงาน HR เช่น ออนบอร์ดดิ้งและการแจ้งเตือน
Donut เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่เน้น งานแชทบอท HR
ช่วยเชื่อมสมาชิกในทีมบน Slack เช่น จับคู่คุยกาแฟเสมือน เวิร์กโฟลว์ ERP ต้อนรับพนักงานใหม่ หรือเตือนให้ช่องแชทอวยพรวันเกิด
คุณไม่ต้องจำว่าใครใหม่หรือคอยตั้งเตือนซ้ำ ๆ — Donut จัดการให้แบบเงียบ ๆ
ยังรองรับเวิร์กโฟลว์ออนบอร์ดดิ้งและคำถามอะซิงก์ ถ้าทีมคุณมีรีโทรหรือเช็คอินประจำ Donut ก็ช่วยอัตโนมัติให้ไม่ตกหล่น
คุณสมบัติเด่น:
- อัตโนมัติข้อความวันเกิดและขั้นตอนออนบอร์ดดิ้งใน Slack
- รองรับคำถามซ้ำ ๆ หรือกิจกรรมอะซิงก์ เช่น เช็คอินและรีโทร
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่มีประโยชน์ถ้าทีมไม่เน้นสร้างความผูกพัน
- โฟลว์แบบกำหนดเองต้องตั้งค่านิดหน่อยถึงจะเวิร์ก
7. AttendanceBot
.webp)
เหมาะสำหรับ: ติดตามการลางานและความพร้อม ช่วยเรื่องการเข้า-ออกงานในเซิร์ฟเวอร์
จุดเด่น: ทำให้งาน HR พื้นฐานเห็นและจัดการได้ในช่องทีม
AttendanceBot ช่วยให้ทีมจัดการว่าใครอยู่หรือไม่อยู่ — ทั้งหมดผ่าน Slack คุณสามารถบันทึกการลางาน เช็คอิน หรือระบุความพร้อมได้
เหมาะมากสำหรับทีมรีโมตที่มักขาดความโปร่งใส บอทนี้ช่วยวางแผนกะงาน ติดตามวันหยุด และโพสต์ความพร้อมประจำ
แม้จะไม่แทน HRIS แต่ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ให้ข้อมูลการเข้า-ออกงานไหลเข้าจังหวะประจำวันของทีม
คุณสมบัติเด่น:
- ติดตามการลางานและเช็คอินประจำวันผ่านคำสั่ง Slack
- ให้ผู้จัดการอนุมัติคำขอความพร้อมจากแชทได้เลย
- ซิงก์กับปฏิทินและระบบบันทึกเวลา
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่มีรายงานเชิงลึกหากไม่เชื่อมกับแพลตฟอร์มอื่น
- ใช้งานได้ดีที่สุดเมื่อทั้งทีมใช้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
8. BirthdayBot
เหมาะสำหรับ: อัตโนมัติแจ้งเตือนวันเกิดและฉลองใน Slack
จุดเด่น: ช่วยให้ทีมจดจำและร่วมฉลองเหตุการณ์สำคัญได้ง่าย
BirthdayBot ช่วยติดตามวันเกิดของทุกคนในเซิร์ฟเวอร์
โพสต์แจ้งเตือนในช่องที่เหมาะสม ให้เพื่อนร่วมทีมอวยพร และรองรับบัตรของขวัญหรือ wishlist หากต้องการเพิ่มความพิเศษ
เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ทีมใส่ใจ เหมาะกับทีมกระจายตัวที่มักพลาดโมเมนต์ส่วนตัว
คุณสมบัติเด่น:
- โพสต์แจ้งเตือนวันเกิดอัตโนมัติในช่องที่เลือก
- รองรับข้อความอวยพร บัตรของขวัญ และ wishlist แบบกำหนดเอง
- ตั้งเวลาอวยพรล่วงหน้าได้
ข้อเสีย: จริง ๆ ก็ไม่มีอะไร เป็นฟีเจอร์ที่น่ารัก!
9. Confluence Cloud
เหมาะสำหรับ: นำเอกสารภายในมาแสดงในบทสนทนา Slack
จุดเด่น: เข้าถึงความรู้ได้ง่ายโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือ
การเชื่อมต่อ Confluence Cloud กับ Slack ช่วยให้ทีมดึงคำตอบจากเอกสารภายในได้
เมื่อมีคนแปะลิงก์หน้าเพจ บอทจะแสดงตัวอย่างให้ ไม่ต้องเปิดแท็บใหม่เพื่อดูบริบท
ตั้งให้แจ้งเตือนเมื่อเอกสารถูกอัปเดต หรือให้ค้นหา Confluence จากใน Slack ได้เลย
เป็นสะพานเล็ก ๆ ที่ทำให้เอกสารเห็นชัดขึ้น เหมาะกับทีมที่เคลื่อนไหวเร็วซึ่งลิงก์มักถูกกลบ
คุณสมบัติเด่น:
- แสดงตัวอย่างเพจ Confluence ที่ลิงก์ในเธรด Slack
- ให้ผู้ใช้ค้นหา Confluence ได้โดยไม่ต้องออกจาก Slack
- โพสต์อัปเดตเมื่อเพจหรือสเปซที่เลือกมีการเปลี่ยนแปลง
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องเป็นทีมที่ใช้ Confluence อยู่แล้ว
- ฟีเจอร์ค้นหาและแสดงตัวอย่างจะจำกัดถ้าไม่ตั้งค่าก่อน
วิธีสร้างแชทบอท Slack
การสร้างแชทบอท Slack อาจง่ายแค่ตอบสนองต่อข้อความ หรือซับซ้อนถึงขั้นจัดการงาน ฐานข้อมูล และทริกเกอร์ API เวิร์กโฟลว์
พื้นฐานคือ ทำงานแบบนี้:
- กำหนดหน้าที่ของบอท — จะตอบคำถามบ่อย ๆ? บันทึกอัปเดต? ทริกเกอร์เวิร์กโฟลว์ด้วยอีโมจิ?
- ตั้งค่าตรรกะ ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง Botpress ที่จัดการเธรด Slack รีแอคชัน และข้อมูลเหตุการณ์แบบมีโครงสร้างได้
- เชื่อมต่อ Slack workspace ของคุณ ด้วย OAuth ที่ปลอดภัยหรือข้อมูลแอปที่กรอกเอง
- ทดสอบสด ในช่องและเธรด เพื่อดูว่าบอทจัดการข้อความ คำสั่ง และกรณีขอบเขตต่าง ๆ อย่างไร
ถ้าอยากดูวิธีทำทีละขั้น — รวมถึงการจัดการโครงสร้างเหตุการณ์ของ Slack และการทดสอบสด — ดูคู่มือสร้างแชทบอท Slack ฉบับเต็มของเรา
ออกแบบ Slackbot ให้เหมาะกับพฤติกรรมทีมจริง
บอทส่วนใหญ่ถูกเมิน เพราะไม่ตรงกับวิธีที่คนใช้ Slack
Botpress ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมบอทได้เอง ตอบสนองต่อเหตุการณ์จริงและเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่ทีมคุณใช้อยู่แล้ว
คุณสามารถทริกเกอร์การทำงานซับซ้อนจากสัญญาณง่าย ๆ ใน Slack เช่น อนุมัติงาน บันทึกอัปเดต ตั้งงาน CRM หรือจัดการเวิร์กโฟลว์ HR ที่ติดตามยาก
เริ่มสร้างได้เลยวันนี้ — ฟรี





.webp)
